
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเลี้ยงกระต่าย
กระต่ายเป็นสัตว์แบบไหน?
กระต่ายเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีนิสัยขี้อายและอ่อนไหวง่าย
เป็นสัตว์กินพืช (herbivore) 100%
มีระบบย่อยอาหารพิเศษที่ต้องการใยอาหารสูงเพื่อป้องกันการท้องอืด
กระต่ายเหมาะกับใคร?
คนที่มีเวลาให้ดูแลรายวัน เช่น เปลี่ยนหญ้า ล้างถาด
บ้านที่เงียบสงบ ไม่เหมาะกับเสียงดังรบกวนหรือสัตว์นักล่า
Tips:
กระต่ายต้องการพื้นที่สะอาดและอากาศถ่ายเท
กระต่ายชอบเคลื่อนไหวและต้องมีพื้นที่ให้กระโดด
ต้องได้รับการดูแลฟันและเล็บอย่างสม่ำเสมอ
5 วิธีเตรียมตัวก่อนรับกระต่ายตัวใหม่
1. เตรียมบ้านหรือกรงให้เหมาะสม
การเลือกกรงหรือคอกสำหรับกระต่ายต้องคำนึงถึงความปลอดภัยและความสบาย โดยควรมีขนาดไม่ต่ำกว่า 90 x 60 ซม. เพื่อให้กระต่ายมีพื้นที่เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ไม่เกิดความเครียด
ข้อควรปฏิบัติ
วางกรงในที่ที่มีอากาศถ่ายเท ไม่ร้อนอบอ้าว
หลีกเลี่ยงการตั้งกรงไว้กลางแดดหรือใกล้แหล่งความร้อน เช่น เตาอบ หรือหน้าต่างที่โดนแสงตรงๆ
ปูพื้นด้วยแผ่นรองหรือกระดาษหนังสือพิมพ์และโรยหญ้าแห้ง เช่น Timothy Hay เพื่อให้กระต่ายสามารถนอนได้อย่างนุ่มสบายและเคี้ยวเล่นได้
ควรมีพื้นที่ให้กระต่ายได้ออกกำลังกายนอกกรงทุกวันอย่างน้อยวันละ 1-2 ชั่วโมง
การจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมตั้งแต่ต้นจะช่วยให้กระต่ายปรับตัวได้ดีและมีสุขภาพแข็งแรง
2. เตรียมอุปกรณ์จำเป็น
ก่อนพากระต่ายเข้าบ้าน ควรเตรียมอุปกรณ์พื้นฐานให้ครบ เพื่อความสะดวกในการดูแล
รายการอุปกรณ์สำคัญ
ถาดรองฉี่หรือกระบะทราย: เพื่อฝึกให้กระต่ายขับถ่ายเป็นที่
ชามน้ำและชามอาหาร: ควรเป็นวัสดุที่แข็งแรง ไม่คว่ำง่าย เช่น เซรามิกหรือสเตนเลส
หญ้าแห้ง (Timothy hay): เป็นอาหารหลักที่ช่วยดูแลระบบย่อยอาหาร
แปรงหวีขน: ใช้หวีขนเพื่อป้องกันไม่ให้ขนพันกัน โดยเฉพาะพันธุ์ขนยาว
กรรไกรตัดเล็บ: เพื่อป้องกันไม่ให้เล็บยาวเกินไปจนทำร้ายตัวเองหรือติดสิ่งของ
ของเล่น: เช่น ท่อนไม้สำหรับกัด หรือของเล่นที่เคี้ยวได้ จะช่วยลดความเครียด
การเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมจะช่วยให้คุณดูแลกระต่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
3. จัดตารางเวลาให้อาหารและทำความสะอาด
การดูแลกระต่ายให้มีสุขภาพดีต้องเริ่มจากการจัดตารางชีวิตที่มีระเบียบ ทั้งในเรื่องของอาหาร น้ำดื่ม และความสะอาดในพื้นที่อยู่อาศัย
แนะนำตารางเวลา
ให้อาหาร: วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น โดยให้หญ้าแห้งตลอดเวลา และเสริมผักสดในปริมาณที่เหมาะสม เช่น แครอท ผักกาดหอม
เปลี่ยนน้ำ: น้ำสะอาดควรเปลี่ยนทุกวัน และใส่ในขวดน้ำหรือชามที่ไม่คว่ำง่าย
ทำความสะอาดกรง: ควรทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง โดยใช้น้ำอุ่นล้างและเช็ดให้แห้ง
ล้างถาดฉี่: ทุกวันหรือวันเว้นวัน เพื่อลดกลิ่นและเชื้อโรค
การมีวินัยในการดูแลจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรค เช่น โรคระบบทางเดินปัสสาวะหรือโรคผิวหนัง
4. ทำความเข้าใจพฤติกรรมกระต่าย
กระต่ายมีพฤติกรรมที่เฉพาะตัว หากเข้าใจธรรมชาติของมัน จะสามารถเลี้ยงดูได้ง่ายขึ้นและสร้างความผูกพันระหว่างเจ้าของกับสัตว์เลี้ยงได้ดียิ่งขึ้น
พฤติกรรมที่ควรรู้
กระต่ายไม่ชอบถูกอุ้มจากด้านบน เพราะรู้สึกไม่ปลอดภัยเหมือนถูกนักล่าโจมตี ควรให้มันกระโดดขึ้นมาใกล้ตัวเองเอง
เวลาที่กระต่ายข่วนหรือกัดของ อาจเป็นการระบายความเครียดหรือความเบื่อ
กระต่ายบางตัวอาจต้องใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ในการปรับตัวและเริ่มไว้ใจเจ้าของ
กระต่ายจะจดจำกลิ่น เสียง และสถานที่ได้ดี
เทคนิคสร้างความคุ้นเคย
พูดเสียงเบาๆ กับกระต่ายเป็นประจำ
ให้ขนมหรืออาหารจากมืออย่างค่อยเป็นค่อยไป
อยู่กับกระต่ายโดยไม่พยายามจับบ่อยจนเกินไปในช่วงแรก
5. พาไปตรวจสุขภาพเบื้องต้น
การตรวจสุขภาพเมื่อพากระต่ายเข้าบ้านครั้งแรกเป็นขั้นตอนที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะหากคุณรับกระต่ายมาจากฟาร์มหรือเจ้าของเก่า
ตรวจสุขภาพเบื้องต้นประกอบด้วย
ตรวจพยาธิภายในลำไส้: โดยตรวจอุจจาระ เพื่อป้องกันการแพร่พยาธิ
ตรวจหู: หูของกระต่ายอาจมีไรหูหรือเชื้อรา ซึ่งหากปล่อยไว้จะลุกลามได้
ตรวจฟัน: กระต่ายมีฟันที่ยาวตลอดเวลา หากไม่สึกตามธรรมชาติจะเกิดปัญหาสุขภาพช่องปาก
ฉีดวัคซีน: แม้ในไทยยังไม่แพร่หลาย แต่บางพื้นที่อาจแนะนำวัคซีนป้องกันโรคไวรัส เช่น Myxomatosis และ RHD
ข้อแนะนำ: ควรหาสัตวแพทย์เฉพาะทางสำหรับสัตว์เล็ก เพราะจะเข้าใจปัญหาสุขภาพกระต่ายมากกว่าสัตวแพทย์ทั่วไป
วิธีเลือกอาหารกระต่ายให้เหมาะสมตามวัย
อาหารหลักของกระต่ายคืออะไร?
กระต่ายเป็นสัตว์กินพืชที่ต้องการไฟเบอร์สูง อาหารหลักที่ควรให้คือ หญ้าแห้ง (Hay) โดยเฉพาะ Timothy Hay ซึ่งมีไฟเบอร์สูง ช่วยในการย่อยอาหารและควบคุมการยืดของฟันกระต่าย
อาหารหลักที่ควรให้กระต่าย
หญ้าแห้ง: ควรให้ตลอดเวลา
ผักสด: เช่น ผักโขม ผักกาดหอม ใบตำลึง
อาหารเม็ดสำหรับกระต่าย: เลือกแบบไม่มีเมล็ดธัญพืชผสมมากเกินไป
น้ำสะอาด: เปลี่ยนทุกวัน
เลือกอาหารตามวัยกระต่าย
กระต่ายในแต่ละวัยมีความต้องการสารอาหารแตกต่างกัน
วัยเด็ก (0-6 เดือน): ควรให้ Alfalfa Hay ซึ่งมีโปรตีนและแคลเซียมสูง เพื่อเสริมการเจริญเติบโต
วัยโต (6 เดือนขึ้นไป): เปลี่ยนมาใช้ Timothy Hay และลดปริมาณแคลเซียมลง
วัยสูงอายุ (5 ปีขึ้นไป): เลือกอาหารที่ย่อยง่าย และลดปริมาณแป้ง
Tips
เลือกอาหารให้เหมาะกับช่วงวัย
ให้หญ้าแห้งตลอดเวลา
หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปหรือขนมหวาน
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงในการเลี้ยงกระต่าย
อาหารอันตรายที่ไม่ควรให้กระต่ายกิน
การให้อาหารที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้กระต่ายป่วยหรือลำไส้อุดตันได้
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
ช็อกโกแลต
ขนมปัง ขนมอบ
เมล็ดถั่วต่าง ๆ
หัวหอม กระเทียม
อาหารมนุษย์ทุกชนิดที่มีรสเค็ม หวาน มัน
ผลเสียของการให้อาหารผิดประเภท
ระบบย่อยอาหารล้มเหลว
ท้องอืด ท้องเสีย
โรคเกี่ยวกับฟัน เช่น ฟันยาวเกินไป
ข้อควรระวัง: หากกระต่ายมีอาการผิดปกติหลังจากเปลี่ยนอาหาร ควรหยุดทันทีและพาไปพบสัตวแพทย์
การดูแลสุขภาพและสัญญาณที่ควรเฝ้าระวัง
อาการเบื้องต้นเมื่อกระต่ายไม่สบาย
ไม่ยอมกินอาหาร
น้ำหนักลด
อุจจาระผิดปกติ เช่น เล็กผิดปกติหรือเหลวเกินไป
หายใจแรงผิดปกติ หรือนอนมากผิดปกติ
วิธีตรวจสุขภาพเบื้องต้นด้วยตัวเอง
ตรวจฟันให้แน่ใจว่าไม่ยาวเกิน
ตรวจตา หู และผิวหนังว่ามีรอยแผลหรืออักเสบหรือไม่
สังเกตพฤติกรรมรายวัน
คำแนะนำ: ควรพากระต่ายไปพบสัตวแพทย์ปีละ 1 ครั้งเพื่อสุขภาพโดยรวม
Q&A คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเลี้ยงกระต่าย
Q: กระต่ายต้องฉีดวัคซีนไหม?
A: ในบางพื้นที่อาจจำเป็น เช่น หากมีกระต่ายป่าหรือไวรัสระบาด ควรปรึกษาสัตวแพทย์
Q: กระต่ายสามารถอาบน้ำได้ไหม?
A: ไม่ควรอาบน้ำบ่อย เพราะอาจทำให้เกิดความเครียด ใช้แผ่นเปียกเช็ดเฉพาะจุดแทน
Q: กระต่ายอยู่รวมกับสัตว์อื่นได้ไหม?
A: ควรระวัง โดยเฉพาะกับสุนัขหรือแมว ควรดูแลอย่างใกล้ชิดและให้กระต่ายมีที่ซ่อน
สรุปท้ายบท
การเลี้ยงกระต่ายไม่ยากเกินไปหากเตรียมตัวอย่างถูกต้อง ตั้งแต่การจัดสภาพแวดล้อม การเลือกอาหารที่เหมาะสม และการดูแลด้านสุขภาพ กระต่ายเป็นสัตว์ที่น่ารักและขี้อ้อน หากได้รับความรักและการดูแลที่ดีจะสามารถเป็นเพื่อนที่ดีและอยู่กับเราได้นานหลายปี
คำแนะนำสุดท้าย: ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง และอย่าลืมหาสัตวแพทย์เฉพาะทางสัตว์เล็กไว้เป็นที่ปรึกษาในยามจำเป็น

Sea