สุขภาพของสุนัขเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เพราะโรคต่างๆ ที่พบบ่อยอาจพัฒนาอย่างรวดเร็วและเป็นอันตรายถึงชีวิต การรู้จักโรคยอดนิยมในสุนัขและสังเกตอาการเบื้องต้นจะช่วยให้เจ้าของสามารถพาสุนัขไปรักษาได้ทันเวลา

10 โรคยอดฮิตในสุนัขและวิธีป้องกัน
1. โรคลำไส้อักเสบในสุนัข (Parvovirus)
- อาการ : สุนัขอาเจียน ท้องเสียรุนแรง บางรายอุจจาระมีเลือด มีกลิ่นเหม็นเฉพาะตัว ซึม เบื่ออาหาร สูญเสียพลังงานอย่างรวดเร็ว
- วิธีสังเกต : หากลูกสุนัขเริ่มมีอาการอาเจียนหรือท้องเสียเกิน 1 วันโดยไม่ดีขึ้น หรือมีเลือดปนในอุจจาระ ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์
- ความเร่งด่วน : ฉุกเฉิน ควรพาสุนัขพบสัตวแพทย์ทันทีหากสงสัยว่าเป็นโรคนี้
- การป้องกัน : ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตั้งแต่ลูกสุนัข และดูแลความสะอาดของสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด
2. โรคไข้หัดสุนัข (Distemper)
- อาการ : มีไข้ น้ำมูก น้ำตาไหล ไอ ซึม เบื่ออาหาร อาจมีอาการชักหรือกล้ามเนื้อกระตุก
- วิธีสังเกต : เริ่มจากเหมือนเป็นหวัดธรรมดา หากอาการไม่ดีขึ้นใน 2-3 วัน หรือเริ่มมีอาการระบบประสาท ควรรีบพบสัตวแพทย์
- ความเร่งด่วน : สูง โรคนี้พัฒนาเร็วและอันตรายมาก
- การป้องกัน : ฉีดวัคซีนรวมตั้งแต่ช่วงลูกสุนัข และหลีกเลี่ยงสัมผัสกับสุนัขที่ไม่รู้ประวัติสุขภาพ
3. โรคพิษสุนัขบ้า (Rabies)
- อาการ : เปลี่ยนพฤติกรรม ก้าวร้าว กลัวน้ำ กล้ามเนื้อกระตุก น้ำลายไหลมากกว่าปกติ
- วิธีสังเกต : หากถูกสัตว์กัดหรือเริ่มมีพฤติกรรมแปลกกะทันหัน ควรพาสุนัขพบแพทย์ทันที
- ความเร่งด่วน : สูงสุด โรคนี้เป็นอันตรายถึงชีวิต และสามารถแพร่สู่คนได้
- การป้องกัน : ฉีดวัคซีนป้องกันเป็นประจำทุกปี หลีกเลี่ยงสัตว์ป่าหรือสัตว์ไม่รู้จัก
4. โรคผิวหนังจากเชื้อราและไรขี้เรื้อน
- อาการ : ขนร่วงเป็นวง ผิวหนังแดง คัน มีสะเก็ดหรือแผลเรื้อรัง
- วิธีสังเกต : สุนัขเกาหรือเลียบริเวณเดิมซ้ำ ๆ หรือขนเริ่มหลุดแบบไม่ปกติ ควรรีบพาไปตรวจ
- ความเร่งด่วน : ปานกลาง ควรพาไปตรวจเมื่อเริ่มมีอาการเพื่อลดการลุกลาม
- การป้องกัน : รักษาความสะอาด อาบน้ำเป็นประจำ และควบคุมความชื้นในสภาพแวดล้อม
5. โรคพยาธิหนอนหัวใจ
- อาการ : ไอแห้ง เหนื่อยง่าย ท้องโต น้ำหนักลด เบื่ออาหาร
- วิธีสังเกต : หากสุนัขเริ่มหายใจลำบากหรือมีอาการอ่อนแรงร่วมกับไอ ควรรีบพาไปตรวจเลือด
- ความเร่งด่วน : สูง โรคนี้เป็นอันตรายหากปล่อยไว้นาน
- การป้องกัน : ให้ยาป้องกันเป็นประจำทุกเดือน ทั้งแบบกินหรือหยดหลังคอ
6. โรคไตในสุนัข
- อาการ : ปัสสาวะผิดปกติ เบื่ออาหาร อาเจียน น้ำหนักลด หายใจหอบ
- วิธีสังเกต : ถ้าสุนัขปัสสาวะบ่อยเกินไปหรือน้อยลงผิดปกติ พร้อมกับมีอาการอื่นควบคู่ ควรรีบพบแพทย์
- ความเร่งด่วน : ปานกลางถึงสูง ขึ้นอยู่กับระยะของโรค
- การป้องกัน : ตรวจเลือดประจำปี เลือกอาหารที่เหมาะสม และให้ดื่มน้ำสะอาดเพียงพอ
7. โรคเบาหวานในสุนัข
- อาการ : ดื่มน้ำมาก ปัสสาวะบ่อย กินเก่งแต่น้ำหนักลด
- วิธีสังเกต : หากพฤติกรรมการดื่มน้ำหรือปัสสาวะเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ควรพาไปตรวจ
- ความเร่งด่วน : ปานกลาง ต้องควบคุมอย่างต่อเนื่อง
- การป้องกัน : ควบคุมน้ำหนัก ตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ และให้อาหารคุณภาพดี
8. โรคข้อสะโพกเสื่อม (Hip Dysplasia)
- อาการ : เดินกะเผลก ไม่ยอมกระโดดหรือลุกจากที่นอน ลุกยาก
- วิธีสังเกต : หากสุนัขเดินผิดปกติอย่างต่อเนื่องหรือดูไม่สบายตัว ควรพาไปตรวจร่างกาย
- ความเร่งด่วน : ปานกลาง ควรพาไปประเมินเพื่อวางแผนการดูแล
- การป้องกัน : ควบคุมน้ำหนัก ไม่ให้สุนัขกระโดดหรือออกแรงหนักในวัยเจริญเติบโต

9. โรคช่องปากและฟัน
- อาการ : กลิ่นปาก เหงือกบวม ฟันหัก หรือมีคราบหินปูน
- วิธีสังเกต : หากสุนัขเลียปากบ่อย ไม่ยอมกินอาหารแข็ง หรือมีกลิ่นปากแรง ควรพาไปตรวจ
- ความเร่งด่วน : ต่ำถึงปานกลาง แต่ควรรีบดูแลเพื่อป้องกันการลุกลาม
- การป้องกัน : แปรงฟันสุนัขเป็นประจำ ใช้ของเล่นช่วยขัดฟัน หรือเลือกอาหารที่ช่วยลดหินปูน
10. โรคอ้วน
- อาการ : น้ำหนักตัวเกินเกณฑ์ ไม่กระฉับกระเฉง หายใจแรง
- วิธีสังเกต : ตรวจน้ำหนักของสุนัขอย่างสม่ำเสมอ หากมองไม่เห็นส่วนเอวหรือคลำซี่โครงไม่ได้ชัดเจน อาจเริ่มมีภาวะอ้วน
- ความเร่งด่วน : ปานกลาง โรคอ้วนเพิ่มความเสี่ยงโรคอื่น
- การป้องกัน : ควบคุมปริมาณอาหาร ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และตรวจสุขภาพประจำปี
แนวทางการดูแลสุนัขให้ห่างไกลโรค
- พาสุนัขตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง
- ฉีดวัคซีนพื้นฐานให้ครบถ้วนและตรงเวลา
- ควบคุมอาหารและน้ำหนักอย่างเหมาะสม
- ให้สุนัขออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- รักษาความสะอาดของที่อยู่อาศัย
สรุป
โรคยอดฮิตในสุนัขสามารถป้องกันได้หากเจ้าของใส่ใจในสุขภาพของพวกเขาอย่างสม่ำเสมอ การรู้เท่าทันอาการ สังเกตสัญญาณผิดปกติ และพาสุนัขพบสัตวแพทย์อย่างทันท่วงที จะช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนและช่วยให้สุนัขมีชีวิตที่ยืนยาวและมีความสุข

Perona